หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ตั๋วทนายกับจริยธรรมนักกฎหมาย

เห็นน้อง ๆ ที่เรียนจบนิติศาสตร์ใหม่ ๆ และอยากได้ตั๋วทนายซึ่งเดี๋ยวนี้ก็สอบได้ยากเหลือเกินไม่รู้เพราะอะไร แต่ก็ต้องทำใจเพราะเรียนจบกันมาเยอะมีทั้งสถาบันของรัฐ ของเอกชน รวมทั้งสถาบันราชภัฏเองก็เปิดสอนด้วย จึงจบออกมามากทำให้ล้นตลาดไม่เหมือนสมัยผมจบใหม่ ๆ มีคนจบไม่มาก จบแล้วก็ไปประกอบอาชีพด้านอื่นกันมากเพราะมีงานรองรับเยอะที่เหลือมาประกอบวิชาชีพทนายความจริง ๆ จึงไม่มากและบางคนก็เป็นทนายเพื่อรอสอบอัยการ หรือผู้ช่วยผู้พิพากษาอีก งานในตอนนั้นก็มากเรียกได้ว่าเป็นเวลาทำงานมาเกือบ ๒๐ ปีแล้วงานก็ยังไม่หมด มาระยะหลัง ๒-๓ ปีนี้ รู้สึกว่างานจะลดน้อยถอยลงเป็นอันมาก เห็นมีแต่คดีของศาลแขวงซึ่งส่วนใหญ่เป็นคดีบัตรเครดิตของสถาบันการเงินเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็เป็นการทำงานที่รวบรัดทนายความจึงได้ค่าว่าความน้อยและต้องทำคดีในปริมาณมาก แถมยังต้องรับความเสี่ยงในกรณีที่เกิดผิดพลาดอีก ซึ่งดูแล้วไม่คุ้มค่าแต่ก็ไม่มีทางเลือกเพราะเพียงเพื่อต้องการรายได้เพื่อการยังชีพ คดีที่มีมากอีกจำพวกหนึ่งก็คือล้มละลายเมื่อปีที่ผ่านมาปี พ.ศ.๒๕๕๒ มีการฟ้องคดีล้มละลายมากถึงสองหมื่นกว่าเรื่อง แต่มาปี พ.ศ.๒๕๕๓ นี้ คดีลดลงกว่าครึ่งและในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ก็คงจะเกือบหมดแล้ว เพราะคดีเหล่านี้เป็นผลมาจากคดีแพ่งที่ฟ้องบังคับคดีแล้วเหลือเงินไม่พอชำระหนี้ เมื่อมีหนี้เหลือเกินหนึ่งล้านบาทโจทก์ซึ่งส่วนใหญ่คือสถาบันการเงินจึงต้องรีบฟ้องก่อนที่จะขาดอายุความ คดีอีกประเภทหนึ่งที่เห็นว่ามีมากก็คือคดีอาญาซึ่งหากไปดูที่บอร์ดประกาศของแต่ละศาลจะเห็นว่ามีคดีอาญามากกว่าแพ่งซึ่งไม่เหมือนสมัยก่อนที่มีคดีแพ่งมากกว่าคดีอาญา
ดังนั้นน้อง ๆ ที่จบกฎหมายและได้ตั๋วทนายมาใหม่ ๆ ก็ควรจะฝึกฝนที่จะประกอบอาชีพที่เน้นความถนัดเฉพาะด้านหรือด้านที่ตลาดมีความต้องการเช่น ด้านคดีอาญาซึ่งก็ต้องใช้เวลาฝึกฝนอีกเป็นเวลานาน และก็มีคดีของศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้าซึ่งก็มีแนวโน้มที่จะมีคดีเพิ่มมากขึ้นทุกวันเป็นลำดับ นอกจากนี้ก็ยังมีคดีของศาลปกครองอีกซึ่งนับวันก็จะเพิ่มมากขึ้นและคดีภาษีอากรอีกซึ่งยังมีคนทำน้อย และที่เห็นว่าจะมากที่สุดก็คือคดีผู้บริโภค ซึ่งกฎหมายได้ช่วยเหลือผู้บริโภคให้ฟ้องโดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมอะไร จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งซึ่งทนายความควรขวนขวายหามาทำให้มาก ๆ เนื่องจากมีปัญหาระหว่างผู้ประกอบการกับผู้บริโภคมาก แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมจึงไม่อยากจะฟ้องร้องก็เป็นหน้าที่ของทนายความที่จะต้องเข้าไปแนะนำเพื่อความเป็นธรรมของสังคมส่วนหนึ่งด้วย
ถึงแม้ว่าการสอบตั๋วทนายสมัยนี้จะยาก แต่ถ้าได้ฝึกงานในสำนักงานที่มีคดีหลากหลายให้ทำและตั้งใจฝึกอย่างจริงจัง ก็คงจะสอบผ่านได้ไม่ยากหรอกเมื่อได้ตั๋วทนายมาแล้วก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น แต่เรื่องที่สำคัญไปกว่านั้นคือจะดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีศักดิ์ศรีสมกับเกียรติแห่งการป็นนักกฎหมาย ซึ่งก็คือ ๑)มีสัจจะพูดคำให้คำนั้นไม่เปลียนกลับไปกลับมาและมีเหตุมีผล ๒)การใช้จ่ายต้องไม่สุรุ่ยสุร่ายแต่ก็ไม่ต้องถึงกับอัตคัตขัดสน ให้เหมาะสมกับนักกฎหมายที่มีภูมิความรู้ ๓)ต้องขวนขวายศึกษาหาความรู้
ใหม่ ๆ อยู่เสมอทั้งในด้านกฎหมายและความรู้ด้านอื่น ๆ ด้วย ให้มีความรู้ทัดเทียมนักกฎหมายอื่น ๆ เช่นอัยการ หรือผู้พิพากษา หากทำได้เช่นนี้ทนายความก็จะมีเกียรติที่ผู้คนจะยกย่องไม่มองในแง่ลบและสังคมจะให้การยอมรับวิชาชีพนี้อย่างจริงใจ ขอให้น้อง ๆ ที่จบกฎหมายประสบความสำเร็จและโชคดีทุกคนครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น