หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553

คดีผู้บริโภคเป็นอย่างไร

เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๑ ได้มีการออกพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค เพื่อให้ความคุ้มครองและความยุติธรรมแก่ผู้บริโภค คดีแบบไหนที่เป็นคดีผู้บริโภค ก็คือต้องเป็นคดีแพ่งที่ผู้บริโภค หรือผู้มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้บริโภคได้แก่ คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กับผู้ประกอบธุรกิจซึ่งพิพาทเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายอันเนื่องมาจากการบริโภคสินค้าหรือบริการ คดีแพ่งเกี่ยวกับความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย ผู้บริโภคก็คือผู้ซื้อหรือผู้ได้รับบริการจากผู้ประกอบธุรกิจ หรือได้รับการเสนอชักชวนจากผู้ประกอบธุรกิจ รวมถึงผู้ใช้สินค้าหรือได้รับบริการจากผู้ประกอบธุรกิจโดยไม่ได้เป็นผู้เสียค่าตอบแทนด้วย เช่นเป็นผู้ใช้สินค้าทดลอง หรือใช้บริการที่เป็นโปรโมชั่นฟรี ก็เกี่ยวข้องด้วย ผู้ประกอบธุรกิจก็คือผู้ขาย ผู้ผลิตเพื่อขาย ผู้สั่งหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขาย หรือผู้ซื้อเพื่อจะขายต่อซึ่งสินค้าและบริการ และรวมถึงผู้ประกอบกิจการโฆษณาด้วย การฟ้องคดีผู้บริโภคมีข้อดีคือสามารถฟ้องด้วยวาจาต่อเจ้าพนักงานคดีหรือจะฟ้องเป็นหนังสือก็ได้ เมื่อยื่นฟ้องแล้วศาลจะนัดมาไกล่เกลี่ย และที่สำคัญผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ไม่ต้องเงินค่าธรรมเนียมคือได้รับการยกเว้นค่าขึ้นศาลและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ซึ่งเป็นความประสงค์ในการออกพระราชบัญญัติฉบับนี้เพื่อลดข้อจำกัดของผู้บริโภคให้เข้าถึงความยุติธรรม ส่วนผู้ประกอบธุรกิจจะฟ้องผู้บริโภคต้องเสียค่าขึ้นศาลและค่าธรรมเนียมตามปกติ นอกจากนี้ก็ยังมีความเสียหายที่ไม่เกิดขึ้นในทันทีซึ่งบางที่ต้องใช้ระยะเวลากว่าจะเกิดความเสียหายแก่ ชีวิต ร่างกาย สุขภาพ อนามัย จะแสดงออกมาให้เห็น เช่นได้รับสารพิษจากสินค้าหรือบริการ ดังนี้ก็สามารถเรียกร้องได้ภายใน ๓ ปีนับแต่วันรู้ถึงความเสียหายหรือรู้ตัวผู้รับผิด แต่ต้องไม่เกิน ๑๐ ปีนับแต่วันที่รู้ถึงความเสียหาย ดังนั้นผู้บริโภคทั้งหลายที่ได้รับกระทบจากสินค้าหรือบริการ ที่ไม่ปลอดภัย ก็ควรจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้และได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลจึงเป็นโอกาสดีที่ผู้บริโภคจะมาเรียกร้องความยุติธรรมได้ เมื่อเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ

วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ถูกฟ้องล้มละลายควรทำอย่างไร

ในระยะนี้ผมไปกรมบังคับคดีแล้ว เห็นบรรดาลูกหนี้ถูกฟ้องล้มละลายกกันมาก เห็นลูกหนี้ที่ถูกฟ้องล้มละลายส่วนใหญ่เป็นคนชั้นกลางเป็นลูกจ้างบริษัทบ้าง ข้าราชการบ้าง คนค้าขายบ้าง เห็นแล้วก็น่าเป็นห่วง เพราะมีการฟ้องคดีล้มละลายในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาปีละประมาณสองหมื่นกว่าคดี ส่วนใหญ่ก็เป็นลูกหนี้สถาบันการเงินที่ซื้อที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่เมื่อผ่อนไม่ไหว ก็โดนยึดทรัพย์ขายทอดตลาดขายแล้วได้เงินไม่พอชำระหนี้ บุคคลธรรมดามีหนี้เหลือตั้งแต่หนึ่งล้านบาทขึ้นไปถ้าเป็นนิติบุคคลก็ตั้งแต่สองล้านบาทขึ้นไป ก็จะถูกนำมาฟ้องเป็นคดีล้มละลาย เพื่อสถาบันการเงินจะได้ตัดหนี้สูญต่อไปจึงจำเป็นต้องนำมาฟ้องเป็นคดีล้มละลายต่อไป
แต่ลูกหนี้ที่ถูกฟ้องล้มละลายนี่ซิจะต้องทำอย่างไรถ้าหากไม่มีทรัพย์สินอะไรให้ยึดไม่ต้องกลัวอะไร แต่ก็มีบางอาชีพเช่นข้าราชการหรือพนักงานบริษัทใหญ่ ๆ ที่กำหนดคุณสมบัติไว้ว่าห้ามบุคคลล้มละลายทำ หากเป็นเช่นนี้ก็ต้องใช้การเจรจาเพื่อขอประนอมหนี้ซึ่งทำได้ทั้งก่อนและหลังล้มละลาย ซึ่งอาจต้องเสนอเงินจำนวนหนึ่งเพื่อใช้หนี้ให้กับเจ้าหนี้อาจจะเป็นยี่สิบสามสิบเปอร์เซนต์เมื่อเจ้าหนี้พอใจก็จะถอนคำขอรับชำระหนี้ให้แต่ถ้ามีเจ้าหนี้รายรายก็ต้องเสนอคำขอประนอมหนี้ทุกราย ถ้าเจ้าหนี้ยินยอมเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็จะทำความเห็นเสนอศาลให้ยกเลิกล้มละลาย
แต่ถ้าไม่มีทรัยพย์สินอะไรและก็ไม่ได้ประกอบอาชีพที่ห้ามบุคคลล้มละลายทำ เช่นค้าขาย เกษตร รับจ้างทั่ว ๆไป ที่เป็นงานอิสระไม่ได้เป็นลูกจ้างใคร ก็ไม่ต้องวิตกอะไรเพียงแต่ทำตามที่กฎหมายกำหนดหากมีหมายเรียกให้ไปให้ถ้อยคำหรือให้ส่งรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินสมุดบัญชี ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ไปตามนัดจะได้ปลดจากล้มละลายเร็ว ๆ แค่ ๓ ปี นับแต่วันที่ศาลพิพากษาให้ล้มละลายก็กลับกลายมาเป็นคนใหม่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหนี้สินที่มีมาก่อนที่ถูกฟ้องล้มละลายก็พลอยหมดไปด้วยแต่ถ้าจำเป็นจะต้องเดินทางไปต่างประเทศก็ต้องขออนุญาตเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก่อนถึงจะไปได้ แต่ถ้าหากไม่ไปตามหมายนัดหรือหมายเรียก ก็จะถือว่าไม่ให้ความช่วยเหลือเจ้าพนักงานทำให้ระยะเวลาจะปลดจากล้มละลายบวกเพิ่มไปอีก ๒ ปี รวมเป็น ๕ ปี ซึ่งผู้อ่านมีความสงสัยหรือต้องการจะสอบถามเกี่ยวกับคดีล้มละลายก็สอบถามได้ ยินดีตอบคำถามทุกข้อสงสัยครับ

วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ตั๋วทนายกับจริยธรรมนักกฎหมาย

เห็นน้อง ๆ ที่เรียนจบนิติศาสตร์ใหม่ ๆ และอยากได้ตั๋วทนายซึ่งเดี๋ยวนี้ก็สอบได้ยากเหลือเกินไม่รู้เพราะอะไร แต่ก็ต้องทำใจเพราะเรียนจบกันมาเยอะมีทั้งสถาบันของรัฐ ของเอกชน รวมทั้งสถาบันราชภัฏเองก็เปิดสอนด้วย จึงจบออกมามากทำให้ล้นตลาดไม่เหมือนสมัยผมจบใหม่ ๆ มีคนจบไม่มาก จบแล้วก็ไปประกอบอาชีพด้านอื่นกันมากเพราะมีงานรองรับเยอะที่เหลือมาประกอบวิชาชีพทนายความจริง ๆ จึงไม่มากและบางคนก็เป็นทนายเพื่อรอสอบอัยการ หรือผู้ช่วยผู้พิพากษาอีก งานในตอนนั้นก็มากเรียกได้ว่าเป็นเวลาทำงานมาเกือบ ๒๐ ปีแล้วงานก็ยังไม่หมด มาระยะหลัง ๒-๓ ปีนี้ รู้สึกว่างานจะลดน้อยถอยลงเป็นอันมาก เห็นมีแต่คดีของศาลแขวงซึ่งส่วนใหญ่เป็นคดีบัตรเครดิตของสถาบันการเงินเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็เป็นการทำงานที่รวบรัดทนายความจึงได้ค่าว่าความน้อยและต้องทำคดีในปริมาณมาก แถมยังต้องรับความเสี่ยงในกรณีที่เกิดผิดพลาดอีก ซึ่งดูแล้วไม่คุ้มค่าแต่ก็ไม่มีทางเลือกเพราะเพียงเพื่อต้องการรายได้เพื่อการยังชีพ คดีที่มีมากอีกจำพวกหนึ่งก็คือล้มละลายเมื่อปีที่ผ่านมาปี พ.ศ.๒๕๕๒ มีการฟ้องคดีล้มละลายมากถึงสองหมื่นกว่าเรื่อง แต่มาปี พ.ศ.๒๕๕๓ นี้ คดีลดลงกว่าครึ่งและในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ก็คงจะเกือบหมดแล้ว เพราะคดีเหล่านี้เป็นผลมาจากคดีแพ่งที่ฟ้องบังคับคดีแล้วเหลือเงินไม่พอชำระหนี้ เมื่อมีหนี้เหลือเกินหนึ่งล้านบาทโจทก์ซึ่งส่วนใหญ่คือสถาบันการเงินจึงต้องรีบฟ้องก่อนที่จะขาดอายุความ คดีอีกประเภทหนึ่งที่เห็นว่ามีมากก็คือคดีอาญาซึ่งหากไปดูที่บอร์ดประกาศของแต่ละศาลจะเห็นว่ามีคดีอาญามากกว่าแพ่งซึ่งไม่เหมือนสมัยก่อนที่มีคดีแพ่งมากกว่าคดีอาญา
ดังนั้นน้อง ๆ ที่จบกฎหมายและได้ตั๋วทนายมาใหม่ ๆ ก็ควรจะฝึกฝนที่จะประกอบอาชีพที่เน้นความถนัดเฉพาะด้านหรือด้านที่ตลาดมีความต้องการเช่น ด้านคดีอาญาซึ่งก็ต้องใช้เวลาฝึกฝนอีกเป็นเวลานาน และก็มีคดีของศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้าซึ่งก็มีแนวโน้มที่จะมีคดีเพิ่มมากขึ้นทุกวันเป็นลำดับ นอกจากนี้ก็ยังมีคดีของศาลปกครองอีกซึ่งนับวันก็จะเพิ่มมากขึ้นและคดีภาษีอากรอีกซึ่งยังมีคนทำน้อย และที่เห็นว่าจะมากที่สุดก็คือคดีผู้บริโภค ซึ่งกฎหมายได้ช่วยเหลือผู้บริโภคให้ฟ้องโดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมอะไร จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งซึ่งทนายความควรขวนขวายหามาทำให้มาก ๆ เนื่องจากมีปัญหาระหว่างผู้ประกอบการกับผู้บริโภคมาก แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมจึงไม่อยากจะฟ้องร้องก็เป็นหน้าที่ของทนายความที่จะต้องเข้าไปแนะนำเพื่อความเป็นธรรมของสังคมส่วนหนึ่งด้วย
ถึงแม้ว่าการสอบตั๋วทนายสมัยนี้จะยาก แต่ถ้าได้ฝึกงานในสำนักงานที่มีคดีหลากหลายให้ทำและตั้งใจฝึกอย่างจริงจัง ก็คงจะสอบผ่านได้ไม่ยากหรอกเมื่อได้ตั๋วทนายมาแล้วก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น แต่เรื่องที่สำคัญไปกว่านั้นคือจะดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีศักดิ์ศรีสมกับเกียรติแห่งการป็นนักกฎหมาย ซึ่งก็คือ ๑)มีสัจจะพูดคำให้คำนั้นไม่เปลียนกลับไปกลับมาและมีเหตุมีผล ๒)การใช้จ่ายต้องไม่สุรุ่ยสุร่ายแต่ก็ไม่ต้องถึงกับอัตคัตขัดสน ให้เหมาะสมกับนักกฎหมายที่มีภูมิความรู้ ๓)ต้องขวนขวายศึกษาหาความรู้
ใหม่ ๆ อยู่เสมอทั้งในด้านกฎหมายและความรู้ด้านอื่น ๆ ด้วย ให้มีความรู้ทัดเทียมนักกฎหมายอื่น ๆ เช่นอัยการ หรือผู้พิพากษา หากทำได้เช่นนี้ทนายความก็จะมีเกียรติที่ผู้คนจะยกย่องไม่มองในแง่ลบและสังคมจะให้การยอมรับวิชาชีพนี้อย่างจริงใจ ขอให้น้อง ๆ ที่จบกฎหมายประสบความสำเร็จและโชคดีทุกคนครับ

วันอังคารที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หนี้บัตรเครดิตเคลียร์ได้จะได้ไม่ติดบูโร


หนี้บัตรเครคิตเคลียร์ได้จะได้ไม่ติดบูโรเป็นเรื่องที่จะคุยกันในวันนี้ เห็นคนรุ่นใหม่ทุกวันนี้แล้วมีชีวิตอยู่ด้วยเงินพลาสติก ต้องเอาเงินในอนาคตมาใช้ก่อนทั้ง ๆ ที่อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ต้องเอาบัตรใหม่ไปใช้หนี้บัตรเก่าวนเวียนไปเป็นงูกินหาง แถมต้องเสียดอกเบี้ยอัตรามหาโหดซึ่งสามารถเรียกได้เพราะกฎหมายให้อำนาจให้กับสถาบันการเงินหรือบริษัทเงินด่วนทั้งหลายแต่บุคคลทั่วไปทำไม่ได้ ความจริงแล้วคนเราควรจะใช้บัตรเครดิตในเรื่องจำเป็นจริง ๆ เช่น ใช้ซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น และก็จะต้องชำระหนี้ให้หมดในรอบบัญชีถัดไป หากผ่อนชำระก็จะมีดอกเบี้ย หากเป็นของชิ้นใหญ่ ๆ ก็ควรเก็บเงินให้ครบแล้วจึงจะซื้อ ก็จะไม่ต้องเป็นหนี้เป็นสินให้ปวดหัวที่เล่ามานี้เพราะเคยอยู่ในวังวนแห่งหนี้เช่นนี้มาก่อนแต่ก็ผ่านพ้นมาแล้ว ทุกวันนี้ใช้เงินเท่าที่มี มีเงินแล้วจึงซื้อ ไม่ก่อหนี้ ไม่สร้างหนี้ เท่านี้ชีวิตก็มีความสุขแล้ว

ถ้าหากท่านเป็นหนี้แล้วจะต้องทำอย่างไร ถ้าเป็นหนี้หลายหนี้ก็ควรเคลียร์หนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน และต้องอดทนชำระหนี้เก่าให้หมดก่อนอย่ารีบไปก่อหนี้ใหม่เพิ่ม แต่ถ้าหากถึงขั้นถูกฟ้องเป็นคดีต่อศาลแล้วควรจะทำอย่างไร ก็ต้องดูคำฟ้องก่อนว่าเป็นอย่างไร ดูว่ามีการใช้จ่ายเงินครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ หรือมีการ ชำระหนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ คือดูว่ามีการเคลื่อนไหวทางบัญชีครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่นับบจากที่มีการเคลื่อนไหวบัญชีครั้งสุดท้าย หากเกินกว่า ๒ ปี ก็ถือว่าขาดอายุความแล้ว แต่ว่าอยู่เฉย ๆ ไม่ได้นะครับต้องทำให้การแก้คดีว่าคดีขาดอายุความ หากทำไม่ได้ก็ควรปรึกษาทนายความ เพราะศาลจะไม่หยิบยกเรื่องที่ขาดอายุความขึ้นมาเอง เพราะถือเป็นปัญหาเรื่องความสงบฯ จึงต้องยื่นคำให้การไว้ศาลจึงพิพากษาว่าคดีขาดอายุความได้ หมายความว่าหนี้ที่มีก็เป็นศูนย์บาทเลยไม่ต้องใช้หนี้นี่คือในแง่กฎหมายแต่ในแง่ศีลธรรมก็คงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากหนี้บัตรเครดิตไม่เกิน ๒ ปี ก็คงต้องเจรจาเพื่อขอประนอมหนี้ขอลดยอดหนี้ขอลดดอกเบี้ยขอผ่อนการชำระหนี้ซึ่งส่วนใหญ่สถาบันการเงินก็จะยอมลดหนี้ให้เพราะเป็นหนี้ไม่มีหลักประกัน โดยจะดูยอดจากต้นเงินที่ค้างบวกดอกเบี้ยอีกนิดหน่อยก็จะยอมเพราะที่ผ่านมาคิดดอกเบี้ยในอัตราที่สูงมาโดยตลอด ส่วนปัญหาทางเทคนิคเช่นยื่นคำให้การอย่างไร ต่อรองอย่างไรจะให้ลดยอดหนี้ได้มาก ๆ หากไม่สัดทัดหรือไม่มีเวลาที่จะไปศาลก็ควรให้ทนายความทำหน้าที่แทนให้ จะได้ไม่ต้องมีชื่อติดแบล๊คลิสในเครดิตบูโร ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่เป็นหนี้ทุกคนให้ผ่านพ้นสภาวะเช่นนี้ไปโดยเร็วขอเอาใจช่วยครับ