หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

คดีรับเหมาก่อสร้าง ต้องเตรียมอะไรบ้างถ้าจะฟ้องคดี

คดีรับเหมาก่อสร้าง อาจเป็นคดีจ้างแรงงานหรือจ้างทำของก็ได้ ถ้าจ้างเป็นค่าแรงอย่างเดียวไม่รวมค่าวัสดุก็เป็นจ้างแรงงาน ถ้าจ้าเหมารวมทั้งค่าแรงและค่าวัสดุด้วยก็เป็นจ้างทำของ ปัญหาในคดีรับเหมาก่อสร้างก็อาจเกิดขึ้นได้ทั้งที่เป็นความผิดอันเกิดจากฝ่ายผู้ว่าจ้างเองหรือเกิดจากความผิดอันเกิดจากผู้รับจ้างหรือผู้รับเหมานั่นเอง แต่สิ่งสำคัญที่จะทำไปสู่การแพ้ชนะในคดีก็คือพยานหลักฐานที่ได้เก็บรวบรวมไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตลอดจนถึงมาตราฐานในการก่อสร้างตามหลักวิศวกรรมซึ่งต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญทางวิศวกรรมหรือทางสถาปัตยกรรมเป็นผู้ตรวจสอบความถูกต้องอีกทางหนึ่งด้วย

ความผิดอันเกิดจากฝ่ายผู้ว่าจ้างเองก็จะเป็นจำพวกชอบเปลี่ยนใจบ่อยเปลี่ยนแปลงแก้ไขอยู่ตลอด เช่นเปลี่ยนแปลงวัสดุที่ใช้ต้องการใช้วัสดุพิเศษซึ่งหายากหรือมีราคาแพงหรือแม้กกระทั่งจัดหาวัสดุมาเองเป็นบางส่วน บ้างก็ชอบแก้ไขเพิ่มหรือลดหรือตัดทอนเปลี่ยนแปลงแก้ไขแบบอยู่ตลอด ทำให้เกิดปัญหากับฝ่ายผู้รับจ้างหรือผู้รับเหมาทำให้ไม่สามารถทำงานได้เสร็จตามเวลาที่กำหนด ต้องเสียค่าแรงเพิ่ม ต้องเสียค่าปรับกรณีก่อสร้างล่าช้า และไม่สามารถคำนวณค่าเสียหายหรือค่าใช้จ่ายที่แท้จริงออกมาได้ ซึ่งการข้อแก้ไขให้ผิดไปจากแบแปลนเดิมที่ได้ออกแบบไว้ไม่ว่าจะเป็นปรับเพิ่มหรือปรับลดหรือเปลี่ยนแปลงวัสดุทุกครั้งจะต้องมีการคำนวณต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ปรับเพิ่มหรือปรับลดตลอดจนระยะเวลาการทำงานที่ต้องเพิ่มขึ้นจากเดิมซึ่งต้องขอขยายระยะเวลาการทำงานไปด้วยโดยทำเป็นหนังสือหลักฐานแจ้งให้ผู้ว่าจ้างเซ็นรับทราบทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข รวมถึงรูปถ่ายขั้นตอนในการทำงานในแต่ละขั้นตอนรวบรวมเอาไว้และต้องเก็บใบเสร็จรับเงินค่าวัสดุอุปกรณ์ทุกใบรวมถึงบิลค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่นค่านำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ หรือค่าจ้างพิเศษอื่น ๆที่นอกเหนือไปจากนี้ต้องเก็บไว้ให้หมด เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นหากผู้ว่าจ้างจะหาเหตุที่จะไม่ยอมจ่ายเงินโดยอ้างว่าผู้รับจ้างผิดสัญญาก่อสร้างไม่เป็นไปตามแบบหรือก่อสร้างล่าช้า

ความผิดอันเกิดจาฝ่ายผู้รับจ้างหรือผู้รับเหมา โดยมากก็ไม้พ้นรับเงินไปแล้วไม่ทำงาน ทิ้งงานหนีไป หรือทำงานไม่เสร็จตากำหนด เบิกเงินไปมากกว่าที่จะทำจริงและใช้เงินหมดทำให้ไม่สามารถทำงานต่อไปได้ หรือทำงานไม่ได้มาตราฐานใช้แรงงานฝีมือต่ำงานที่ทำออกมาก็จะไม่ได้มาตราฐานซึ่งตรงนี้ต้องวัดด้วยหลักทางวิศวกรรมกรรมและสถาปัตยกรรม ก่อนที่จะว่าจ้างจึงต้องขอดูผลงานเก่า ๆ ที่ผู้รับจ้างหรือผู้รับเหมาเคยทำไว้ว่ามีผลงานมากน้อยแค่ไหนมีฝีมือเพียงใด นอกจากนี้ผู้ว่าจ้างต้องเตรียมในเรื่องสัญญาการก่อสร้างต้องร่างสัญญาให้รัดกุมและควบคุมการเบิกจ่ายเงินให้เป็นไปในแต่ละงวดงาน หรือประเมินจากผลงานว่าทำไปได้กี่เปอร์เซ็นต์ ไม่จ่ายมากไปจนเกินจริงและต้องตรวจสวบผลงานโดยตลอดหากเห็นว่าไม่เป็นไปตามแบบหรือตามข้อตกลงก็ต้องไม่เซ็นรับมอบงานในงวดงานนั้น ๆ จนกว่าจะมีการแก้ไขให้เรียบร้อย รวมถึงต้องเก็บหลักฐานรูปถ่ายขั้นตอนการทำงานรวบรวมเอาไว้รวมถึงใบเสร็จรับเงินหรือสำเนาใบเสร็จที่จ่ายเงินหลักฐานการรับเงินแต่ละครั้งรวบรวมเอาไว้ ก็จะเป็นประโยชน์หากภายหลังจะต้องมีการฟ้องคดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น